เจ้าแตนอาละวาด ฉายาของทีม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทีมในเมืองหลวงของกรุงลอนดอน
ถึงแม้จะยิ่งใหญ่ไม่เท่ากับ ทีมอาร์เซนอล ทีมเชลซี หรือแม้กระทั่งทีมเสปอร์ แต่ก็ถือว่า ทีมเมืองหลวงแห่งนี้ มีการเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองค่อนข้างจะชัดเจน ด้วยระบบที่ดุดัน และเล่นเกมเพลสซิ่ง จนทำให้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว วัตฟอร์ต สามารถบุกทะลุเข้าสู่รอบชิงเอฟเอคัพได้ แต่ก็ไปไม่ถึงดวงดาว เพราะรอบชิงดันต้องไปเจอกับคู่แข่งอย่าง แมนเชสเตอร์ซิตี้ ซึ่งก็คงไม่ต้องบอกว่าใครจะได้แชมป์ไป
เพราะแมนซิตี้ กด วัตฟอร์ตซะกระจุยกระจาย ด้วยสกอร์แบบขาดลอย พอมาฤดูกาลนี้ ออกสตาร์ทมาทีมเลยฟอร์มออกทะเลแบบกู่ไม่กลับ จนทำให้ต้องเปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็นไนเจล เพียร์สัน ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงทำทีมทรงๆ ทรุดๆ อยู่ท้ายตารางมีแต้มเหนือนอริชซึ่งจมอยู่อันดับบ๊วยเพียงหกคะแนน
ซึ่งหากบอร์ดบริหาร ยังไม่ยอมทำอะไร มีความเป็นไปได้ว่า รังสังเวียนเหย้า อย่าง วิคาริโร๊ด อาจต้องกลับไปต้อนรับบรรดาทีมอย่างแชมป์เปี้ยนชิพ เป็นแน่ๆ หลายๆคนคงนึกถึงยุคทองของวัตฟอร์ต ที่มีสุดยอดกุนซือ อย่างเกรแฮม เทรเลอร์ ซึ่งเคยปั้นทีมวัตฟอร์ต ให้ประสบความสำเร็จในอดีตมาแล้ว
ถึงขั้นพาทีมนี้ ไปลุยศึกฟุตบอลยูฟ่าคัพ มาแล้วด้วย หากว่ากันด้วยผู้เล่นชุดนี้ของวัตฟอร์ต ก็ถือว่าไม่ได้ขี้เหร่ ซึ่งผู้เล่นส่วนใหญ่ของฤดูกาลที่แล้วกันยังอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา
ประกอบไปด้วย กองหน้ากัปตันทีมอย่าง ทรอย ดีนีย์ , จัว เปรโด , อิสไมลาร์ ซา, อัปดุลลาย ดูเกเร่ รวมถึงผู้รักษาประตูมากประสบการณ์อย่าง เบน ฟอร์สเตอร์ และนักเตะคนอื่นๆ อีกมากมาย หากทีมวัตฟอร์ต ต้องตกชั้นจริงๆ นั้น คงเป็นเรื่องน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากมองจากรายชื่อนักเตะ แล้วต้องบอกว่าดีกว่าบางทีมที่มีคะแนนเหนือกว่าพวกเค้าบนตารางด้วยซ้ำ และตอนนี้ก็มาถึงทางตรงสุดท้ายแล้ว
ซึ่งทางปรับทิศทางจูนทีมกันดีๆ และด้วยประสบการณ์ของกุนซือ ไนเจล เพียร์สัน ก็ยังถือว่า ทีมแตนอาละวาด วัตฟอร์ต ยังคงพอมีโอกาสที่จะสร้างปาฎิหารย์อยู่รอดในลีกสูงสุดอย่างพรีเมียร์ลีก อีกหนึ่งปี ซึ่งถ้าลองดูโปรแกรมอีกสิบสามนัดที่เหลือของวัตฟอร์ต นั้น ก็จะมีเหลือเจอทีมแข็ง บิ๊กซิ๊ก แค่ อาร์เซนอล แมนซิตี้ และแมนยูไนเต็ด ส่วนอีกสิบนัดที่เหลือ ก็จะเจอกับทีมระดับเดียวกัน ซึ่งว่ากันตามเนื้อผ้าแล้วนั้น ทุกทีมนั้นวัตฟอร์ต สามารถสู้ได้จริงๆ เชื่อว่า ทีมเมืองหลวงอย่างวัตฟอร์ต จะเอาตัวรอดผ่านฤดูกาลนี้ ไปได้อย่างแน่นอน