คลังเก็บป้ายกำกับ: ข่าวกีฬา

ทอฟฟี่เล่นใหญ่ เตรียมเสริมทัพ ทำการบ้านช่วงโควิด

ในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไข้ไวรัสโควิด19 ยังคงระบาดอยู่นั้น ทำให้วงการกีฬาทุกประเภทและทั่วโลกต้องทำการหยุดการแข่งขัน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสชนิดนี้

และเพื่อป้องกันตัวนักกีฬาและแฟนกีฬาด้วยนั้น และเช่นเดียวกันสำหรับวงการฟุตบอลอย่างพรีเมียร์ลีก ที่หลังจากต้องหยุดเตะไปทำให้แฟนบอลทั่วโลกต่างก็เหงาและรู้สึกเหมือนขาดหายอะไรไปในชีวิต ส่วนนักเตะของแต่ละสโมสรเองนั้น ก็ได้ใช้ช่วงเวลานี้เดินทางกลับบ้านและลงซ้อมตามโปรแกรมของตัวเองตามที่แต่ละสโมสรได้มีการกำหนดไว้ ส่วนในด้านของผู้จัดการทีมและบอร์ดบริหารก็ยังคงมีการทำงานกันอยู่ผ่านโลกออนไลน์

และกำลังเตรียมการเสริมทัพเพื่อความพร้อมในฤดูกาลหน้า ซึงแต่ละทีมก็เตรียมการและเล็งเป้าหมายนักเตะไว้หลายคน รวมไปถึงแผนการโละนักเตะที่ไม่จำเป็นต่อทีม เพื่อลดภาระค่าเหนื่อยและนำเงินที่ได้จากการขายนักเตะเหล่านี้นั้น มาซื้อนักเตะใหม่ที่ต้องการเสริมทัพในฤดูกาลหน้า

ซึ่งล่าสุดสโมสรเอฟเวอร์ตัน ที่ได้นายใหญ่อย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ สุดยอดกุนซือมาคุมทัพและทำผลงานได้ดีในช่วงแรก ก่อนที่จะโดนพิษโควิดเล่นงานไปจนต้องงดแตะอยู่ในช่วงนี้ ก็ได้มีข่าวหลุดออกมาว่านายใหญ่คนนี้สนใจที่จะดึงสองดาราดังจากเสปนและอิตาลี มาร่วมทัพ

โดยรายแรกนั้น คือแกเร็ธ เบล ปีกทีมชาติเวลล์ ที่กลายเป็นส่วนเกินของราชันชุดขาวไปแล้ว นับตั้งแต่ ซีเนอดีน ซีดาน อดีตกัปตันทีมชาติฝรั่งเศสชุดแชมป์โลกปี 1998  กลับมาคุมทัพอีกครั้ง จึงมีโอกาสที่จะได้กลับมาใช้ชีวิตที่อังกฤษค่อนข้างแน่ เพียงแต่ว่าจะไปลงเอยที่สโมสรไหนนั่นเอง

ซึ่งถ้าหากทีมเอฟเวอร์ตันได้ เบลมาจริง น่าจะทำให้เกมรุกทีมี ริชาร์ดสัน อยู่แล้ว ทวีคูณความน่ากลัวเข้าไปอีก ส่วนอีกคนที่นายใหญ่คนนี้อยากได้มาร่วมทีมนั้นก็คือ อารอน แรมซีย์ กองกลางจากยูเวนตุส ที่ย้ายแบบฟรีค่าตัวจากกรุงลอนดอน ทีมปืนโตอาร์เซนอล ไปหาความท้าทายในอิตาลี

แต่ดูแล้วจะไม่ประสบความสำเร็จ เพราะตลอดฤดูกาลแทบไม่ได้รับโอกาสจากกุนซือยูเว่ ให้ลงไปโชว์เพลงเตะสักเท่าไหร่นัก นั่นจึงเป็นโอกาสที่เอฟเวอร์ตัน จะกระชากตัวกองกลางคนนี้กลับมาเล่นที่อังกฤษ ซึ่งถ้ามาจริง ก็จะทำทอฟฟี่บูล มีขุมกำลังกองกลางที่น่ากลัวขึ้นอีกคนหนึ่ง และถ้าหากสองคนนี้มาจริงเชื่อว่า สาวกทอฟฟี่คงได้เฮกันดังๆ และเชียร์กันยาวๆแน่นอน

ดราม่าจากแฟนหงส์แดง

ดราม่าจากแฟนหงส์แดง

ดราม่าจากแฟนหงส์แดง การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ต้องถูกระงับการแข่งขันหลังจากมีการระบาดของพิษไข้โควิด19 ซึ่งโปรแกรมการแข่งขันนั้นเหลืออีกเพียง เก้านัดก็จะจบฤดูกาล และทางหงส์แดงสะท้านฟ้า ก็ต้องการอีกแค่เพียงหกคะแนน ก็จะทิ้งขาดผู้ตามอย่างเรือใบสีฟ้า ขึ้นแท่นรับถ้วยแชมป์แรกของสโมสร (สำหรับถ้วยพรีเมียร์ลีก) เป็นครั้งแรกในรอบสามสิบปี ซึ่งแฟนบอลทุกคนต่างรอคอยและเฝ้ารอ แต่แล้วเมื่อไข้ไวรัสโควิด 19 นี้ระบาด

การแข่งขันต้องถูกระงับ และมีแนวโน้มว่าจะแข่งกันต่อไปได้ไปอีกนาน จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะถูกต้องป้องกันอย่างปลอดภัย และเมื่อการแข่งขันนั้นแข่งต่อไม่ได้ จึงมีหลายทางออกที่ถูกตีข่าวออกมาว่า การแข่งฤดูกาลนี้อาจจะเป็นโมฆะ หรืออาจจะยกแชมป์ให้กับหงส์แดงไปเลย แต่ไม่ว่าผลการตัดสินใจของสมาคมจะออกมาในรูปแบบใด ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นที่พอใจสำหรับกองเชียร์เท่าไหร่นัก

เพราะหากโมฆะ กองเชียร์หงส์แดงคงออกมาตีโพยตีพายว่าไม่ยุติธรรม แต่ถ้ายกแชมป์ให้เลย กองเชียร์ก็ไม่สามารถทนเสียงล้อเลียนจากแฟนบอลคู่แข่งได้ว่า ได้แชมป์แบบไม่สมศักดิ์ศรี จึงทำให้แฟนบอลหงส์แดงออกมาเรียกร้องให้แข่งกันให้จบ ต่อให้การแข่งขันเป็นแบบสนามปิดก็ได้เพราะมั่นใจอยู่แล้วว่าถ้าแข่งจบฤดูกาล ทีมพวกเค้าก็จะเป็นแชมป์อยู่ดี จึงทำให้เกิดประเด็นดราม่ามากมายบนโลกโซเชียล จนสุดท้าย ผู้นำทัพของหงส์แดงในยุคนี้ อย่างเจอร์เก้น คล๊อป กุนซือของหงส์แดง ได้ออกมาประกาศผ่านโซเชียลของสโมสรว่า

ไม่ว่าการตัดสินใจและการประกาศจะออกมาเช่นไร ของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ เราอยากให้แฟนบอลทุกคนรับรู้ว่า เพื่อความปลอดภัยของประชาชน เรายินดีที่จะทำทุกอย่างและสนับสนุนอย่างเต็มที่ หลายๆทีมที่เราลงแข่งด้วย ต้องได้รับความเจ็บปวด ไวรัสตัวนี้ ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าการมีส่วนร่วมในเกมฟุตบอล มันไม่สารมารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ และแต่ละคนที่ได้รับผลกระทบนี้ สิ่งที่ตามมานั้นมันไม่คุ้มเลย

หากจะมานั่งถกเถียงกันเรื่องนี้ว่าจะจบลงอย่างไร แน่นอนว่าเราไม่ต้องการเล่นฟุตบอลในสนามที่ว่างเปล่า และเราไม่อยากให้เกมการแข่งขันต้องถูกเลื่อนออกไปหรือยกเลิกมัน แต่ถ้ามันต้องเลือกระหว่างฟุตบอลกับสังคมที่เป็นสุขในวงกว้าง ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องของการแข่งขันอีกต่อไป เพราะชีวิตสำคัญกว่าเกมการแข่งขันนัก 

ซึ่งเมื่อ เจอร์เก้น คล้อป ได้ออกมาปิดประเด็นนี้แล้วนั้น ก็หวังว่าแฟนบอลหงส์แดงจะเลิกเวิ่น และเลิกสร้างดราม่ากันเสียทีนะ

ทีมที่ขาดทุนจากการขายนักเตะมากที่สุดในฤดูกาลนี้

หากวัดจากการขายนักเตะของแต่ละทีมแล้ว บางทีมโชคดีก็สามารถขายได้กำไร แต่บางทีมโชคไม่ดีตอนซื้อ ซื้อมาแพงแต่พอจะขายออกราคาของนักเตะคนนั้นก็ตกฮวบซะอย่างนั้น เราลองมาดูกันว่ามีทีมใดในห้าอันดับแรกบางที่ต้องเจอกับสถานการณ์อย่างนี้

อันดับที่ห้า นั่นก็คือท๊อตแน่ม ฮอตเสปอร์ เพราะต้องบอกว่าเปิดซีซั่นมาก็ซื้อ เดมเบเล่ กับแซสซิยงมา รวมถึงสเตฟาน เดอไวว์ และลอนี่ โรวเซ่นโซ่ รวมกันเกือบสองร้อยล้านปอนด์ ส่วนตัวที่ขายไป ก็จะมีคีแรน ทริปเปียร์ กับ อีริค เอริคเซ่น ซึ่งต้องบอกว่าขายได้ราคาถูกเพราะใกล้หมดสัญญา

อันดับที่สี่ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ขายลูกากูไป แต่ทุ่มทุนไปมากมาย กับนักเตะอย่าง แฮรี่ แม๊กไกว์  วาบิส รานก้า กับ บรูโน่ แฟรนันเดส และดาเนี่ยน เจมส์ ซึ่งต้องบอกว่าลงทุนขนาดนี้ แต่ผลงานก็ยังไม่ได้คุ้มกับที่ทุ่มทุนไป ต้องมองกันยาวๆ ว่าสี่คนนี้จะช่วยทีมได้มากกว่านี้มั้ย เพราะแค่ แม๊กไกว์ ก็แปดสิบล้านแล้ว

อันดับที่สาม บาร์เซโลน่า ขาดทุนไปเกือบ หนึ่งร้อยล้าน เพราะแค่ อองตวน กรีซมัน และแฟรงค์กี้ เดอยองค์ แต่ต้องบอกเลยยังไม่คุ้มกับทั้งคู่ เพราะอย่าง อองตวน เล่นมาจนจะจบฤดูกาลแล้ว ยังเพิ่มยิงได้แค่ เจ็ดประตู ส่วนแฟรงค์กี้ เดอยองค์ ก็ไม่สามารถเล่นเหมือนตอนอยู่อาแจ๊กซ์ อันเตอร์ดัมได้ ส่วนนักเตะที่ขายไปก็จะมี คูติญโญ่ ซื้อมาร้อยล้านแต่ขายได้แค่แปดล้าน

อันดับที่สอง คือแอสตันวิลล่า ต้องบอกว่าใช้เงินเสริมทัพเยอะมาก ขาดทุนเน็ตๆ แต่ผลงานก็ห่วยเน็ตๆ จะตกชั้นอยู่แล้ว การซื้อแบบไม่มีบิ๊กเนม กระจายความเสี่ยง แต่ซื้อสิบสามตัว แต่ใช้ไม่ได้เรื่องสักตัว ไม่ว่าจะเป็นเวสลี่ย กองหน้าจากคลับบรูซ แทบจะไม่ยิงเลย เทรเซเก้ หรืออันวา เอเกลซี่ และทอม ฮีตัน แต่ก็ดันมาเจ็บ ซื้อเสี่ยงมาก แต่เสี่ยงตกชั้นมาก

อันดับที่หนึ่ง รีลมาดริด บอกเลยชื่อนี้ไม่เซอร์ไพรส์ เพราะบอกว่าเป็นทีมที่ซื้อแหลก และไม่สนใจอยู่แล้วว่าจะแพงแค่ไหน ถ้าอยากได้ เพราะแต่ละคนไม่ว่า จะเป็นอาร์ซา หรือยูก้า โยวิช เฟรดลอง เมนดี้ หรือมิลิเตา ซึ่งต้องบอกว่าเป็นการลงทุนสี่ตัวนี้ที่ไม่คุ้มเอาสักเลย 

หากมองกันแล้วว่า ทั้งห้าทีมที่กล่าวมาทีมที่ดูอันตรายกับการลงทุนที่ขาดทุนที่สุดนี้ คงจะเป็นแอสตันวิลล่าที่มีโอกาสตกชั้นเหลือเกิน

เจ้าแตนอาละวาด ฉายาของทีม

เจ้าแตนอาละวาด ฉายาของทีม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทีมในเมืองหลวงของกรุงลอนดอน

ถึงแม้จะยิ่งใหญ่ไม่เท่ากับ ทีมอาร์เซนอล ทีมเชลซี หรือแม้กระทั่งทีมเสปอร์ แต่ก็ถือว่า ทีมเมืองหลวงแห่งนี้ มีการเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองค่อนข้างจะชัดเจน ด้วยระบบที่ดุดัน และเล่นเกมเพลสซิ่ง จนทำให้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว วัตฟอร์ต สามารถบุกทะลุเข้าสู่รอบชิงเอฟเอคัพได้ แต่ก็ไปไม่ถึงดวงดาว เพราะรอบชิงดันต้องไปเจอกับคู่แข่งอย่าง แมนเชสเตอร์ซิตี้ ซึ่งก็คงไม่ต้องบอกว่าใครจะได้แชมป์ไป

เพราะแมนซิตี้ กด วัตฟอร์ตซะกระจุยกระจาย ด้วยสกอร์แบบขาดลอย พอมาฤดูกาลนี้ ออกสตาร์ทมาทีมเลยฟอร์มออกทะเลแบบกู่ไม่กลับ จนทำให้ต้องเปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็นไนเจล เพียร์สัน ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงทำทีมทรงๆ ทรุดๆ อยู่ท้ายตารางมีแต้มเหนือนอริชซึ่งจมอยู่อันดับบ๊วยเพียงหกคะแนน

ซึ่งหากบอร์ดบริหาร ยังไม่ยอมทำอะไร มีความเป็นไปได้ว่า รังสังเวียนเหย้า อย่าง วิคาริโร๊ด อาจต้องกลับไปต้อนรับบรรดาทีมอย่างแชมป์เปี้ยนชิพ เป็นแน่ๆ  หลายๆคนคงนึกถึงยุคทองของวัตฟอร์ต ที่มีสุดยอดกุนซือ อย่างเกรแฮม เทรเลอร์ ซึ่งเคยปั้นทีมวัตฟอร์ต ให้ประสบความสำเร็จในอดีตมาแล้ว

ถึงขั้นพาทีมนี้ ไปลุยศึกฟุตบอลยูฟ่าคัพ มาแล้วด้วย หากว่ากันด้วยผู้เล่นชุดนี้ของวัตฟอร์ต ก็ถือว่าไม่ได้ขี้เหร่ ซึ่งผู้เล่นส่วนใหญ่ของฤดูกาลที่แล้วกันยังอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา

ประกอบไปด้วย กองหน้ากัปตันทีมอย่าง ทรอย ดีนีย์ , จัว เปรโด , อิสไมลาร์ ซา, อัปดุลลาย ดูเกเร่ รวมถึงผู้รักษาประตูมากประสบการณ์อย่าง เบน ฟอร์สเตอร์ และนักเตะคนอื่นๆ อีกมากมาย หากทีมวัตฟอร์ต ต้องตกชั้นจริงๆ นั้น คงเป็นเรื่องน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากมองจากรายชื่อนักเตะ แล้วต้องบอกว่าดีกว่าบางทีมที่มีคะแนนเหนือกว่าพวกเค้าบนตารางด้วยซ้ำ และตอนนี้ก็มาถึงทางตรงสุดท้ายแล้ว

ซึ่งทางปรับทิศทางจูนทีมกันดีๆ และด้วยประสบการณ์ของกุนซือ ไนเจล เพียร์สัน ก็ยังถือว่า ทีมแตนอาละวาด วัตฟอร์ต ยังคงพอมีโอกาสที่จะสร้างปาฎิหารย์อยู่รอดในลีกสูงสุดอย่างพรีเมียร์ลีก อีกหนึ่งปี ซึ่งถ้าลองดูโปรแกรมอีกสิบสามนัดที่เหลือของวัตฟอร์ต นั้น ก็จะมีเหลือเจอทีมแข็ง บิ๊กซิ๊ก แค่ อาร์เซนอล แมนซิตี้ และแมนยูไนเต็ด ส่วนอีกสิบนัดที่เหลือ ก็จะเจอกับทีมระดับเดียวกัน ซึ่งว่ากันตามเนื้อผ้าแล้วนั้น ทุกทีมนั้นวัตฟอร์ต สามารถสู้ได้จริงๆ เชื่อว่า ทีมเมืองหลวงอย่างวัตฟอร์ต จะเอาตัวรอดผ่านฤดูกาลนี้ ไปได้อย่างแน่นอน

เฮียมูหวังคว้าถ้วยเอฟเอคัพพร้อมติดหนึ่งในสี่

มูรินโญ่คาดหวังว่า สเปอร์ส จะจบอันดับห้าเป็นอย่างน้อย พร้อมกล่าวว่าทีมคาดหวังต้องการไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลหน้าด้วยเหมือนกัน

สเปอร์สมีโปรแกรมแข่งกับแอสตัน วิลล่าวันอาทิตย์ โดยเวลานี้พวกเขาอยู่อันดับ 6 ของตารางมีแต้มตามหลังเชลซี 4 แต้ม หลังจากที่ทีมเก็บชัยเหนือแมนซิตี้ได้ 2-0 ก่อนจะปิดเบรกก็ทำให้ความหวังอันเรืองรองของทีมปรากฏขึ้นมาทันที 

มูรินโญ่ที่เข้ามารับงานคุมทีมสเปอร์สราว 3 เดือนเผยว่าเวลานี้แม้เชลซีเป็นทีมอันดับสี่ก็จริง แต่ว่าแต้มของทีมเราก็ห่างจากพวกเขาเพียง 4 แต้ม มีทีมดาบคู่ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดอันดับ 5 สเปอร์สอยู่อันดับ 6 และแมนยูอยู่อันดับ 9 แน่นอนว่าทุกคนในทีมต่างคาดหวังว่าอยากจะไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลหน้าให้ได้

กุนซือโปรตุเกสมองว่าโอกาสยังเปิดกว้างสำหรับหลายทีม ทั้งวูลฟ์,เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และแมนยู ไม่เว้นแม้แต่อาร์เซนอล 

อดีตกนซือเชลซและแมนยู เข้ารับงานคุมทีมตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน โดยตอนนั้นทีมของโปเช็ตติโน่มีแต้มตามหลังทีมอันดับสี่ถึง 11 แต้ม แต่จากเกมที่ชนะ เรือใบสีฟ้า ทำให้ยิด อาร์มี่มีโอกาสที่ดีขึ้นในการล่าพื้นที่ไป UCL 

มูรินโญ่เผยว่า จากการที่แมนซิตี้ ถูกแบนจากฟุตบอลยุโรปสองปีทำให้ทีมอันดับ 5 มีโอกาสที่จะไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกรอบคัดเลือกแทน และการขับเคี่ยวแย่งที่ 5 จะสนุกแน่นอน

ถึงแม้ว่าเรื่องช่องห่างของคะแนนเป็นเรื่องยาก แต่ทุกอย่างก็ยังเป็นไปได้เพราะว่ายังเหลืออีกหลายนัด

เราต้องไม่พลาดเก็บทุกคะแนนอย่างมีค่า ขณะเดียวกันรายการเอฟเอคัพ ก็เป็นรายการที่เราหวังเช่นเดียวกัน 

สเปอร์สยังอยู่ในรายการเอฟเอคัพ หลังจากที่เกมนัดรีเพลย์ที่ผ่านมาชนะเซาแธมป์ตันได้ ในรอบสี่นัดรีเพลย์

ซน เฮือง มิน เป็นฮีโร่ยิงประตูจากจุดโทษช่วงท้ายเกมพาทีมผ่านเข้ารอบไปพบนอริช วันพุธที่ 4 มีนาคม

มูรินโญ่มองว่ารายการเอฟเอคัพนี้เป็นที่ต้องการของรายทีม ซึ่งมันยังเป็นรายการที่มีเสน่ห์เสมอ

ทุกทีมที่ไม่มีลุ้นติดท๊อปโฟร์ก็อยากต้องการไขว่คว้าแชมป์รายการนี้ เพราะว่ามันเป็นบอลนัดเดียวอะไรก็เกิดขึ้นได้

ผลการจับสลากปรากฏออกมาว่าทีมท๊อปเอจ หรือท๊อปโฟร์ต่างไม่เจอกันเอง หมายความว่าในนัดชิงชนะเลิศจะต้องมีทีมระกับหัวแถวเข้าไปแข่งขันกันแน่

ถึงแม้ว่าการบาดเจ็บของแฮร์รี่ เคนทำให้เป็นงานยากของทีม ไก่เดือยทอง ที่จะต้องเล่นในรายการ UCL รอบ 16 ทีมที่พบไลป์ซิกเช่นกัน ซึ่งกุนซือชาวโปรตุเกสเองก็ออกมายอมรับแต่ทีมต้องผ่านไปให้ได้

โอเดียน อิกาโล่ : แสงสุดท้ายที่ปลายอุโมงค์

หลังจากปิดดีล บรูโน่ แฟร์นันเดส ได้สำเร็จในช่วงโค้งสุดท้ายของตลาดหน้าหนาว จนหลายฝ่ายคิดว่าปีศาจแดง

คงปิดตลาดซื้อ – ไปแล้ว แต่แล้วก็มีเซอร์ไพรส์เล็ก ๆ ในช่วงคืนสุดท้าย เมื่อ ยูไนเต็ด มาประกาศปิดดีลเซ็นสัญญายืมตัว 

โอเดียน อิกาโล่ หัวหอกชาวไนจีเรียของ เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว มาใช้งานจนจบฤดูกาลเพื่อแก้ปัญหากองหน้าขาดแคลนในระยะสั้น

     แม้จะเคยค้าแข้งมาแล้วในพรีเมียร์ลีกกับ วัตฟอร์ดแต่เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงไม่ได้ทราบข้อมูลเบื้องลึกอะไรมากนัก

เนื่องจากเจ้าตัวเองก็ไม่ใช่ศูนย์หน้าของทีมระดับโลกอะไรมากมาย และนี่คือเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของ โอเดียน อิกาโล่

เป็น เด็กผีตั้งแต่วัยกระเตาะ

ย้อนกลับไปในปี 2016 โอเดียน อิกาโล่ ซึ่งค้าแข้งอยู่กับ วัตฟอร์ด ณ ขณะนั้น ได้เปิดเผยว่า ตนเองมีความฝันที่จะเล่นให้กับ 

ทีมอย่าง ปีศาจแดงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด  

ผมเติบโตขึ้นมากับการเป็นแฟนบอลของยูไนเต็ด ผมชอบดู แอนดี้ โคล และ ดไวท์ ยอร์ก ทางทีวี พวกเขาคือแบบอย่างของผม

และการได้เล่นที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด คือความฝันของผมมาโดยตลอด” อิกาโล่กล่าว

ดาวยิงพเนจร : ชีพจรลงเท้า

อิกาโล่ เดินทางจากบ้านเกิดมาตั้งแต่ปี 2007 ไปค้าแข้งที่นอร์เวย์กับ ลิน จากนั้นปีต่อมา ก็ย้ายไปอิตาลีกับ อูดิเนเซ่ จนถึง

ปี 2014 แต่ในระหว่างนั้นก็ถูกปล่อยยืม 2 – 3 ครั้ง 

จนในปี 2014 อิกาโล่ ได้มาวาดลวดลายบนเกาะอังกฤษกับ วัตฟอร์ด โดยช่วยให้ต้นสังกัดเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นพรีเมียร์ลีก ใน

ฤดูกาล 2015/16 แต่ซีซั่นถัดมาฟอร์มกลับตกอย่างน่าใจหาย จนถูกขายไปให้สโมสรในจีนอย่าง ฉางชุน หย่าไถ 

และแม้ว่าเขาจะไม่สามารถช่วยให้ ฉางชุน หย่าไถ รอดจากการตกชั้นได้ แต่ผลงานการซัลโวไป 36 ประตู จาก 55 นัด ทำให้ เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว ซื้อ อิกาโล่ มาร่วมทีมเมื่อปี 2019 ก่อนที่ล่าสุดถูก ปีศาจแดง ดึงตัวมาร่วมทีมแบบยืมตัวจนจบฤดูกาล

ผลงานในนามทีมชาติ

โอเดียน อิกาโล่ ในสีเสื้อทีมชาติไนจีเรียก็ถือว่าไม่ใช่ไก่กา โดยกดไป 16 ประตูจาก 35 เกม และในศึก แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ เมื่อกลางปี 2019 ที่ผ่านมา อิกาโล่ยังคว้าตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดประจำทัวร์นาเมนต์ได้อีกด้วย ก่อนจะประกาศ

อำลาทัพอินทรีมรกตในเวลาต่อมา

พ่อพระนอกสนาม

เดิมทีนั้น อิกาโล่นั้นถือเป็นนักฟุตบอลใจบุญคนหนึ่ง ชอบบริจาคช่วยเหลือคนยากไร้ทุกครั้งที่มีโอกาส และเมื่อปี 2017 อิกาโล่ 

ได้เจียดเงิน 1 ล้านปอนด์ (ราว 40 ล้านบาท) สร้างบ้านให้เด็กกำพร้าได้พักอาศัยที่กรุงลากอส ในประเทศบ้านเกิด ซึ่งรองรับเด็ก

ได้ราว 40 คน โดยเด็กเหล่านี้ นอกจากได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีแล้ว ยังได้รับการศึกษาแบบฟรี ๆ จนถึงอายุ 18 ปีอีกด้วย 

ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อันดับ 3 สุดยอดนักเตะแดนสยาม

ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อันดับ 3 สุดยอดนักเตะแดนสยาม

ฮีโร่อันดับ 1 ของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ชื่อนี้ใครๆก็ต้องรู้จักเป็นอย่างดี จนถึงทุกวันนี้เขาก็ยังเป็นนักบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ด้วยท่าอันแสนน่าจดจำด้วยการตีลังกาสุดเทพที่ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้นะ

แล้วเมื่อไม่นานมานี้เขาก็ขึ้นชื่อเป็นโค้ชที่เก่งที่สุดคนนึงของทีมชาติไทย ด้วยการจัดการที่ทำให้นักเตะมีทักษะเทียบชั้นกับต่างชาติได้ แต่ก็ยังไม่อึดพอที่จะไปให้ถึงฝั่งฝัน แล้วโค้ชซิโก้ของเราก็ได้ออกจากตำแหน่งไป

สมัยที่กองหน้าสุดแกร่งคนนี้เริ่มเล่นนั้นเป็นยุคที่ประเทศเรานั้นเริ่มหันมาสนใจกีฬาฟุตบอลอย่างจริงๆจังๆ

ซิโก้ ก็เริ่มจาการเป็นเยาวชน แล้วก็ติดทีมชาติชุดเด็กไปแข่งที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย ซึ่งตอนนั้นเขาก็โชว์ฟอร์มได้เกินรุ่นมากๆ จนสุดท้ายอีกเพียงสามปี ก็ได้โอกาสติดทีมชาติชุดใหญ่ แล้วนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นของชื่อ ซิโก้ ที่ทำให้ทุกคนในประเทศต้องรู้จักเขากับการแข่งกีฬาซีเกมส์นั้นเอง

ตอนนั้นเรียกได้ว่าคนไทยเฮกันทั้งประเทศหน้าจอทีวี ที่ทีมชาติไทยไปแข่งรอบชิงที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งซิโก้ได้ถูกเปลี่ยนตัวเขามาเล่นในสนาม แล้วโชว์ฟอร์มซัดลูกสุดท้ายด้วยลูกโหม่งสุดพิศดารทำให้ได้แชมป์ไปในที่สุด ด้วยท่าดีใจสุดเฉียบตีลังกายิ่งทำให้เป็นที่จดจำกันอย่างง่าย ผลงานนอกจากนั้นก็ไม่ใช่ธรรมดาเลยในเอเชี่ยนเกมส์เขาก็ทำให้ทีมชาติไทยได้ที่สี่ไปถึงสองสมัยติดกัน

ซึ่งตอนนั้นทีมชาติไทยมาถึงใกล้เคียงคำว่าบอลระดับโลกได้บ้างแล้วด้วยการเอาชนะทีมเก่งไปเยอะอยู่นะ แต่ก็น่าเสียดายที่บอลโลกก็ยังไม่เคยได้เขาสักที ได้แต่ติดทีมรอบคัดเลือกสิบทีมสุด้าย ซิโก้ถือเป็นกองหน้าที่เล่นทีมชาติเยอะที่สุดอีกด้วย แล้วก็ยิงได้เฉลี่ยสองนัดต่อลูก

ผลงานของชายคนนี้ที่ชื่อว่า ซิโก้ เป็นผลงานที่เยอะแยะมากมายแบบพูดไม่หมดไปเลย ถือเป็นการค้าแข้งที่เข้มข้นมากๆ

ข่าวที่น่าสนใจ

ประวัติ “The Answer” อัลเลน ไอเวอร์สัน (Allen Iverson) 

เส้นทางชีวิตการเป็นนักกีฬาอาชีพของ อัลเลน ไอเวอร์สัน (Allen Iverson) กำลังพุ่งทะยานขึ้นไปสู่จุดสูงสุด แต่มันกลับสวนทางกับชีวิตนอกสนามของเขา ถึงแม้ผลงานในสนามจะดีจนเป็นที่ยอมรับของคนทั้งโลก แต่ชีวิตส่วนตัวของเขากลับมีปัญหารุมเร้ามากมาย ทั้งเรื่องที่เขาเข้าไปพัวผันกับพวกกลุ่มอันธพาล หรือแก๊งสเตอร์ มีปํยหาเรื่องทะเลาะวิวาท

แถมที่ร้ายแรงที่สุดคือถูกจับกุมในข้อหามีกัญชาและอาวุธปืนผิดกฎหมายอยู่ในครอบครอง มีปัญหาเรื่องวินัยในการมาซ้อม ทั้งขาดซ้อม และมาสาย ทำให้มีปัญหาผิดใจกับโค้ช แลร์รี่ บราวน์ (Larry Brown) จนหลายๆ ครั้งมีข่าวลือออกมาว่าทางต้นสังกัดอย่าง ฟิลาเดลเฟีย เซเว่นตี้ซิกเซอร์ (Philadelphia 76ers) ทนกับพฤติกรรมของเจ้าตัวไม่ไหวและต้องเทรดเขาออกจากทีม

แต่จนแล้วจนรอด อัลเลน ไอเวอร์สัน (Allen Iverson)

ก็ยังคงได้ใส่ยูนิฟอร์มของ ฟิลาเดลเฟีย เซเว่นตี้ซิกเซอร์ (Philadelphia 76ers) ลงสนามต่อไป และมันเป็นเหมือนหอกที่แทงใจเหล่าบรรดาทีมงาน และโค้ชของทีม เพราะเมื่อยามที่ อัลเลน ไอเวอร์สัน (Allen Iverson) สวมร้องเท้าลงไปในสนาม เขากลายเป็นคนที่ทุ่มเททุกอย่างที่มีเพื่อชัยชนะ และกลายเป็นคนที่ทีมขาดไม่ได้เลย จนถึงช่วงฤดูกาล 2000 – 2001 ฤดูกาลที่เรียกได้ว่าเป็นปีทองของ อัลเลน ไอเวอร์สัน (Allen Iverson) อย่างแท้จริง

หลังจากโลดแล่นอยู่ในลีก NBA ถึง 5 ปีเต็ม อัลเลน ไอเวอร์สัน (Allen Iverson)

กลายมาเป็นซุปเปอร์สตาร์แบบเต็มตัว เขาทำผลงานในฤดูกาลนี้ได้อย่างสุดยอด ทำแต้มเฉลี่ย 31.1 ตลอดทั้งฤดูกาล พาทีมที่เต็มไปด้วยนักกีฬาธรรมดาคว้าแชมป์สาย ด้วยสถิติชนะ 56 แพ้ 26 และผ่านเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1983 ในนัดชิง ฟิลาเดลเฟีย เซเว่นตี้ซิกเซอร์ (Philadelphia 76ers) ต้องเจอกับยอดทีมในยุคนั้นอย่าง แอลเอ เลเกอร์ส (LA Lakers) ที่ตอนนั้นมีคู่หูทองคำอย่าง โคบี้ ไบรอันท์ (Kobe Bryant) และ แชคิลล์ โอนีล (Shaquille O’Neal) เป็นผู้นำทีม อัลเลน ไอเวอร์สัน (Allen Iverson)

สามารถพาทีมสู้กับ แอลเอ เลเกอร์ส (LA Lakers) ได้อย่างสูสี แต่จนแล้วจนรอด ทีมของเขาก็ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ ถึงยังไงด้วยผลงานที่สุดยอดของ อัลเลน ไอเวอร์สัน (Allen Iverson) เขาได้รับตำแหน่ง MVP และ MVP All Star ไปครอง นั่นทำให้หลายๆ คนเรียกเขาว่า “ราชาไร้บัลลังก์”

ข่าวกีฬาที่น่าสนใจวันนี้

Zinedine Zidane อันดับ 2 ความคุ้มค่าของ Real Madrid

ซีดาน ไม่มีใคร บอกจริงๆ ว่า ไม่มีใคร ไม่ว่าจะแฟนกีฬาฟุตบอล หรือ คนที่ไม่ได้สนใจกีฬานี้ ยังไงก็ต้องมีเข้าหูบ้างล่ะนั้นคือ ซีเนอร์ดีน ซีดาน เจ้าของฉายา จอมทัพหัวไข่ดาว สุดยอดผู้นำทัพฝรั่งเศส ก่อนที่ซีดานจะย้ายมาซบอก เรอัล มาดริด ในปี 2001 เขาเคยอยู่ทีม ยูเวนตุสมาก่อน เขาก็เป็นผู้นึงที่ย้ายมาด้วยค่า สูงเป็นสถิติโลกในยุคนั้น ด้วยค่าตัว 76 ล้านยูโร เขาก็เป็นคนนึงที่ครองสถิติค่าตัวสูงที่สุดมาอย่างยาวนาน และก็เช่นกันไม่ว่าใครก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาค่าตัวช่างคุ้มค่าจริงๆ เป็นการลงทุนซื้อยอดนักเตะคุ้มทุกบาททุกสตางค์เลย

เขาคนนี้โดดเด่นมาตั้งแต่ ยูเวนตุส อย่างมากแล้ว แฟนๆก็ต่างติดเขาแจ แต่พอได้มา เรอัล มาดริด ยิ่งกว่าโดดเด่นซะอีก เขามีวุตธิภาวะความเป็นผู้นำอย่างมาก เป็นระดับกับตันได้สบายๆ เขาอยู่ที่ทีมใหม่อย่างมาดริด ได้ 5 ปี เขาช่วยสร้างชื่อเสียงและคว้าถ้วยแชมป์ได้มากพอสมคาร ได้แชมป์ ลาลีกา 1 สมัย และได้แชมป์ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกอีก 1 สมัย แล้วแชมป์ ซุปเปอรืคัพ อีก 1 สมัย แล้วก็ได้แชมป์สโมสรโลกอีก 1 สมัย เขาเป็นนักบอลของทีเรอัลมาดริด ที่แฟนๆต่างรักมากๆ เขามีท่าเตะที่เรียกได้ว่า ลูกสูตรของจริง ถ้าจังหวะแบบนี้นะ ยิ่งยังไงก็เป็นอันเขา

เขาก็เป็นคนที่กรีดเลือดออกมาก็เป็นสีขาวแล้วล่ะ เขาดำรงสุดยอดผู้เล่นให้กับทีมไม่พอ เขายังได้เป็นกับตันทีมอีก แล้วยังไม่พอ จนถึงวันที่เขาแขวนสตั้ด เขาก็ยังได้ถูกทาบทามมาเป็นโค้ชให้กับทีมนี้อีก มาถึงก็สร้างทีมอันแข็งแกร่ง พาคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก มาได้อย่างสุดยอดมาก

เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่เขาได้แขวนสตั๊ดไปด้วยเหตุการทำร้ายผู้เล่น แต่แฟนๆก็ไม่เกลียดเขาสักนิด ยังเป็นฮีโร่ให้ทุกคนอยู่จนถึงทุกวันนี้ นี่ก็เป็นหลักฐานชี้ได้ว่าการเซ็นสัญญาเขาคนนี้ เป็นความคุ้มค่าอย่างยิ่งต่อทีม

ผู้เล่นยอดเยี่ยมของ อาร์เซน่อล ในยุค อาร์แซน เวนเกอร์

นิโกล่าส์ อเนลก้า (Nicolas Anelka) 1997 – 1999

อาร์เซน่อล คว้า นิโกล่าส์ อเนลก้า ในขณะที่ยังเป็นดาวรุ่ง มาจาก เปแอสเช ด้วยค่าตัวเพียง 500,000 ปอนด์เท่านั้น และถึงแม้เจ้าตัวจะอยู่กับไอ้ปืนใหญ่แค่ 2 ปี แต่

นิโกล่าส์ อเนลก้า ก็สามารถซัดประตูให้กับ อาร์เซน่อล ได้ถึง 17 ประตู ส่วนหนึ่งมาจากฝีเท้าที่ยอดเยี่ยมของเจ้าตัว แต่อีกส่วนหนึ่งคือการได้ยืนคู่กับสุดยอดนักเตะอย่าง เดนนิส เบิร์กแคมป์

ที่คอยสร้างจังหวะทำประตูให้กับเจ้าตัวตลอด และหลังจากนั้น นิโกล่าส์ อเนลก้า ก็ได้ย้ายไปอยู่กับยักษ์ใหญ่ของ ลา ลีกา สเปน อย่าง เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวสูงถึง 22.5 ล้านปอนด์

 อเล็กซิส ซานเชซ (Alexis Sanchez) 2014 – 2018

ศูนย์หน้าพลังม้า ชาวชิลี ย้ายมาจาก บาร์เซโลน่า มาร่วมทีม อาร์เซน่อล ด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์ แถมรับค่าเหนื่อยสูงถึง 150,000 ปอนด์ ซึ่งถือว่าสูงมากๆ

ในช่วงนั้น แต่สุดท้ายแล้ว แฟนไอ้ปืนใหญ่ กลับไม่รู้สึกเสียดายกับเม็ดเงินที่เสียไปเลย เพราะศูนย์หน้าพลังม้า ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และทำประตูให้กับทีมได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ด้วยความเร็วในการเคลื่อนที่และเทคนิคที่ยอดเยี่ยม เขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นตัวหลักของทีมได้อย่างรวดเร็ว

แต่สุดท้ายเขาต้องการที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพค้าแข้งมากกว่านี้จึงปัดที่จะต่อสัญญากับทีม และย้ายไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในที่สุด โดยการย้ายสลับขั้วกับ เฮนริค มคิทาร์ยาน (Henrikh Mkhitaryan) กองกลาง ชาวอาร์มีเนีย

กิลแบร์โต้ ซิลวา (Gilberto Silva) 2002 – 2008

มิดฟิลด์ชาวบราซิเลี่ยน ย้ายมาจาก แอตเลติโก มิไนโร่ มาร่วมทีม อาร์เซน่อล หลังจากที่เจ้าตัวติดทีมชาติบราซิลชุดใหญ่ ไปร่วมสู้ศึกฟุตบอลโลก 2002

ที่ประเทศเกาหลีใต้และญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพ เจ้าตัวสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนเข้าตาทีมแมวมองของ อาร์เซน่อล และทำให้ อาร์แซน เวนเกอร์ ตัดสินใจดึงตัวมาร่วมทีม

ด้วยพลังในการวิ่งที่ไม่มีวันหมด บวกกับการเข้าสกัดบอลที่แม่นยำ และพอได้ยืนจับคู่กับสุดยอดกองกลางอย่าง ปาทริค วิเอร่า (Patrick Vieira) ทำให้ อาร์เซน่อล ในยุคนั้นถือว่ามีคู่กองกลางที่ดีที่สุดในลีกเลยก็ว่าได้